วิธีตรวจสอบมือถือ หรือว่าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ก่อนซื้อ ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ซื้อทุกคนควรรู้
เผลอหน่อยเดียว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2014 กันแล้ว ซึ่งก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจัก
เเล่าลือกซื้อมือถือ,
สมาร์ทโฟน หรือไม่
แท็บเล็ต ในช่วงปลายปีแบบนี้ ตามที่มักเป็นช่วงที่บรรดาผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ มักจักแข่งขันกันเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นดีๆ ค่าโดนๆ มากเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการตรวจสอบคุณสมบัติ และค่าจำหน่าย ให้ตรงกับความต้องการของเราแล้ว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรทำก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับร้านค้าก็ คือ การตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวสินค้าอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่ภายนอกกล่อง ไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายใน เพื่อให้สมาร์ทโฟน พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราตั้งใจซื้อมาใช้งาน มีสภาพที่สมบูรณ์เต็ม 100% นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ นั้นก็ไม่ยาก ทุกท่านเป็นได้ทำตามได้อย่างแน่นอน ลองไปติดตามกันได้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบสภาพกล่อง
ปาง เราปลงใจเลือกระฉ่อนกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวแล้ว ก็มาตั้งต้นที่การเช็คสภาพกล่องกันก่อน เพราะสภาพกล่องจักต้องไม่มีร่องรอยการแกะ ไม่ใช่หรือบุบเสียหายก่อนจักถึงมือเรา
ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบสภาพตัวเครื่อง
มาต่อกันที่ตัวเครื่อง ปางทำการแกะกล่องเรียบร้อยแล้วเราก็มาตรวจสอบสภาพตัวเครื่องว่ามีร่องรอย ในการตกหล่น, รอยขีดข่วน ไม่ก็รอยถลอกของตัวเครื่องบ้างเหรอไม่ เพราะผู้ใช้งานควรจักตรวจสอบทั้งตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ, ขอบตัวเครื่องทั้งด้านบน-ล่าง พร้อมกับซ้าย-ขวา ถ้าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นรอบรู้ถอดฝาหลังได้ ก็ควรจักแกะฝาหลัง และตรวจสอบด้านใน พร้อมตรวจสอบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่อง
เหตุด้วยอุปกรณ์เพิ่มเติมต่างๆ ภายในกล่องนั้น สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจักมีความแตกต่างกันออกไป บ้าง แต่เพราะพื้นฐานทั่วไปแล้วจักประกอบไปด้วย สายหูฟังแบบสเตอริโอ, อะแดปเตอร์เพื่อการชาร์จแบตเตอรี่, สาย microUSB เพราะด้วยเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์, คู่มือการใช้งาน กับใบรับประกัน ซึ่งส่วนนี้จะสำคัญมากเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้ใช้งานควรจะตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันอย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบคลื่นความถี่ 3G ใช่ไหม 4G
ก่อนผู้ใช้งานจะเโจษจันกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ก็คงจะตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนนั้นรองรับคลื่นความถี่ที่เราใช้ได้หรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดเราก็ต้องมาตรวจสอบกันให้ดี ซึ่งปัจจุบันสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จักรองรับการใช้งาน 3G แต่สมาร์ทโฟนบางรุ่นจะรองรับคลื่นความถี่แตกต่างกัน เพราะความถี่ 3G ของแต่ละเครือข่ายในประเทศไทยจักเป็นดังนี้คือ เครือข่าย AIS ใช้คลื่นความถี่ 900/2100 MHz, เครือข่าย dtac ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz พร้อมด้วยเครือข่าย TrueMove H ใช้คลื่นความถี่ 850/2100 MHz
ตราบตรวจสอบความถี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ลองนำซิมการ์ดใส่เข้าไปที่ตัวเครื่อง และเปิดคำมั่นณโทรศัพท์ พร้อมกับเปิดโหมดเชื่อมต่อข้อมูล พร้อมด้วยทดสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตทะลวงเว็บเบราว์เซอร์ รวมไปถึงทดลองการโทรเข้า พร้อมกับโทรออก ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่่ 5 : ตรวจสอบหมายเลข IMEI
ในการตรวจสอบรหัส IMEI นั้นมีหลายวิธี โดยเบื้องต้นแล้วเราศักยตรวจสอบได้จากข้างกล่อง พร้อมกับนำมาเปรียบเทียบกับเลข IMEI บนเครื่อง โดยสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่เลข IMEI จักอยู่ด้านในใต้แบตเตอรี่ ซึ่งเรารอบรู้แกะฝาหลัง พร้อมทั้งนำแบตเตอรี่ออกได้ เพื่อสมาร์ทโฟนที่ไม่สามารถแกะฝาหลังได้นั้น เลข IMEI จักถูกติดไว้ที่หลังของตัวเครื่อง รวมไปถึงการใส่รหัสพิเศษเพื่อตรวจเช็คเลข IMEI ก็อาจทำได้เช่นกัน เพราะเข้าไปที่โหมดการโทร พร้อมทั้งกดรหัส *#06# แค่นี้เลข IMEI ก็จักแสดงขึ้นมาให้เราเห็น
ขั้นตอนที่ 6 : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่
เพราะปกติแล้วสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ออกจากกล่อง บริเวณขั้วแบตเตอรี่สี
ทอง นั้นไม่ควรมีรอยขีดข่วน ไม่ใช่หรือมีสีอื่นๆ ปะปนนอกจากสีทอง รวมไปถึงรอยไหม้ หรือจุดดำบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ทั้งในส่วนของตัวเครื่อง พร้อมทั้งส่วนของก้อนแบตเตอรี่
วิธีที่ 7 : ตรวจสอบอาการผิดปกติของเม็ดสีบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบนั้นจะมี 2 แบบ อย่างแรกคือ การตรวจสอบ Stuck Pixel เพราะการตรวจสอบนี้หน้าจอแสดงผลต้องเป็นภาพที่ดำสนิท ครั้นเมื่อลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่แตกต่างไปจากสีดำ ซึ่งเม็ดสีที่เห็นนั้นจักมีทั้งสีน้ำเงิน, สีขาว ด้วยกันสีแดง อย่างที่สองคือการตรวจสอบ Dead Pixel เพราะว่าการตรวจสอบนี้ภาพหน้าจอต้องเป็นสีขาวสว่างพอสมควร เท่าที่ลองตรวจสอบแล้วจะเห็นเม็ดสีที่เป็นสีดำ และถ้าเปลี่ยนภาพที่เป็นสีอื่นๆ ที่ไม่ใช้สีดำแล้ว เม็ดสีนั้นก็ยังคงเป็นสีดำอยู่เหมือนเดิน พร้อมทั้งผู้ใช้งานยังศักยตรวจสอบความผิดปกติของเม็ดสีด้วยแอปพลิเคชัน Pixel Test ไม่ใช่หรือเข้าโหมด Test Menu เพื่อทำการตรวจสอบได้เช่นกัน
ขั้นตอนที่ 8 : เข้าเมนูตรวจสอบ (Service Test) ด้วยรหัสลับของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์
หากท่านใดยังไม่ทราบ เราสมรรถทดสอบการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ของตัวเครื่องได้ทั้งหมดภายในที่เดียว โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม วิธีการก็คือให้ เราเข้าไปที่โหมดโทรออก แล้วพิมพ์รหัสลับเหตุด้วยตรวจสอบสมาร์ทโฟนเข้าไป ซึ่งรหัสเพื่อสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จักแตกต่างกันออกไปดังนี้
สมาร์ทโฟนซัมซุง (Samsung) ใส่รหัส *#0*# สมาร์ทโฟนโซนี่ (Sony) ใส่รหัส *#*#7378423#*#* สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#* สมาร์ทโฟนแอลจี (LG) ใส่รหัส 3845#*รหัสรุ่น# ไม่ก็ กด 1809#*รหัสรุ่น# สมาร์ทโฟนออปโป้ (OPPO) ใส่รหัส *#808# สมาร์ทโฟนเลอโนโว (Lenovo) ใส่รหัส ####1111#
สมาร์ทโฟนเอชทีซี (HTC) ใส่รหัส *#*#3424#*#* ไม่ใช่หรือ *#*#4636#*#*
สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (Huawei) ใส่รหัส ##497613
สมาร์ทโฟนไอโมบาย (i-mobile) ให้กดปุ่มปิดเครื่องก่อน ครั้นหน้าจอดับแล้วให้ กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) พร้อมกับปุ่ม Power ค้างไว้พร้อมกัน
ซึ่งรหัสของสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์ข้างต้น จะเป็นรหัสเพื่อเข้าโหมดทดลอง หรือว่า Service Test กับมีเมนูย่อยเพื่อตรวจสอบการใช้งานขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะ เป็นการวัดใจ Dead Pixel, การรับหนังสือสัญญาณ, ระบบสั่น, กล้องถ่ายภาพ, เซ็นเซอร์, ระบบสัมผัส, ลำโพง, ปุ่มกด พร้อมด้วยอื่นๆ ซึ่งฟังก์ชันตรวจสอบต่างๆ จะมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแต่ละแบรนด์จักใส่มาให้มากน้อยขนาดไหน
ขั้นตอนที่ 9 : ตรวจสอบแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล
การตรวจสอบอาการแสงลอดบนหน้าจอแสดงผล เริ่มทำจากการเปิดกล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่องแล้วทำการนำมือทั้งสอง ข้างมาบังแสงรอบนอก กับสังเกตตามขอบจอว่ามีแสงลอดออกมามาก ไม่ก็น้อย เหมือนใด ถ้าออกมามากจนเกินไป ผู้ใช้งานก็ทำเป็นแจ้งพนักงานเพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 10 : ตรวจสอบระบบสัมผัสของหน้าจอแสดงผล กับปุ่มสัมผัส
การตรวจสอบระบบสัมผัสนั้นมีหลายวิธี เช่น การปัดหน้าจอไปซ้าย-ขวา หรือไม่การปัดขอบหน้าจอด้านบน พร้อมด้วยด้านล่าง พร้อมทั้งตรวจสอบการแตะหน้าจอขณะเล่นเกม รวมไปถึงการแตะปุ่มควบกำกับการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งจักอยู่ด้านล่างของหน้าจอ เพราะกดปุ่มฟังก์ชัน (ไม่ก็ปุ่ม Recent Apps), ปุ่มโฮม พร้อมด้วยปุ่มย้อนกลับ เกือบๆ 3-5 ครั้ง